Data mining แปลตรงตัวก็คือ "การทำเหมืองข้อมู...

Data mining แปลตรงตัวก็คือ "การทำเหมืองข้อมูล" อุปมาก็คล้ายกับเราไปทำเหมืองแร่ที่ขุดมาจากใต้ดินแหละครับ แต่เหมืองที่ว่าเป็นเหมืองของข้อมูลดิบที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง

คราวนี้จะให้ลองนึกถึงเวลาใช้คำสั่ง SQL เราจะรู้อยู่แล้วว่า ข้อมูลมันอยู่ตรงไหนใน Table ใช่มั๊ยละ พอเราใช้คำสั่ง select * from .... where... ก็เลือกข้อมูลมาได้ตามต้องการ

แต่ถ้าเป็นคลังของข้อมูลดิบบบบบบบบบ ที่มีปริมาณมาก ๆ เช่น ข้อมูลเว็บไซต์ต่าง ๆ ในโลกอินเตอร์เนตที่มีเยอะมาก ๆ ข้อมูลพวกนี้มันจะใช้ SQL ค้นหาไม่ได้หรอกครับ

แล้วอย่างนี้ข้อมูลที่เราต้องการอยากรู้นะ (เขาเรียกว่า "ความรู้" หรือ "Knowledge") มันอยู่ตรงไหน ภายใต้ข้อมูลดิบที่มีเยอะเหลือเกิ๊น ?

ดังนั้นเราจึงหนีไม่พ้นต้องมาทำเหมืองข้อมูลกัน ช่างไม่ต่างอะไรกับทำเหมืองแร่ กว่าเราจะเจอ ดีบุก ถ่านหิน เพชร พลอย ทอง ฯลฯ....โอ๋ต้องใช้เทคโนโลยี ขุดเจาะหากว่าจะเจอ ไม่ใช่ของกล้วย ๆ เลยนะครับ

ด้วยเหตุนี้วิชา Data mining จึงถือกำเนิดอุแว้ขึ้นมา ซึ่งมันเป็นศาสตร์ที่ต้องเอาหลาย ๆ วิชารวมกัน หลัก ๆ ก็วิชา -> Machine Learning(่ส่วนหนึ่งของ AI) + วิชาสถิติ + ฐานข้อมูล

สำหรับประโยชน์ของ Data mining ทำให้การค้นหาข้อมูล (ความรู้) มันอิจฉริยะขึ้นครับ ซึ่งจะมีประโยชน์มาก ๆ ตัวอย่าง เช่น

-ใช้จัดระดับความเสี่ยงของผู้ขอเครดิต เป็นระดับต่ำ กลาง และสูง
-ทำนายพฤติกรรมการซื้อสินค้า ว่าลูกค้าจะหยิบอะไรใส่รถเข็น
-หาความเสี่ยงของผู้ป่วยเป็นโรงมะเร็ง
-หาเนื้อคู่เรา (อันนี้ล้อเล่นนะ ไม่รู้ว่ามีใครสนใจทำจริงเปล่า อิ ๆ ๆ)
และประโยชน์อื่น ๆ อีกเยอะมาก เป็นต้น

วันนี้จะมาแนะนำหนังสือฟรี เรียนรู้ Data mining ด้วย python (เป็น Text Book นะ แต่คิดว่าอ่านง่ายอยู่หรอก)
ตามลิงค์นี้ http://guidetodatamining.com/
หรือดาวโหลด PDF (150 MB ใช้เวลานานหน่อย) ได้ที่
http://guidetodatamining.com/…/guideCh…/Guide2DataMining.pdf

ถ้าใครไม่เป็น python ก็อ่านหนังสือแจกฟรีเป็นภาษาไทย ขอยกให้เป็นสุดยอดคัมภีร์เล่มหนึ่งแล้วกัน ชื่อ "หนังสือเชียวชาญการเขียนโปรแกรมด้วยไพธอน" ฟรี (661 หน้า) ของ ผศ. สุชาติ คุ้มมะณี
https://isan.msu.ac.th/such…/ProgrammingExpertwithPython.pdf

---